ชุมชนวิถีไท วิถียอง บ้านสันทางหลวง กับบทบาทสตรีผู้เปลี่ยนแปลงชุมชนสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและอยู่ดีมีสุข
ชุมชนวิถีไท วิถียอง บ้านสันทางหลวง กับบทบาทสตรีผู้เปลี่ยนแปลงชุมชน
สู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและอยู่ดีมีสุข
อพท.เชียงราย พาทุกคนมาทำความรู้จักชุมชนบ้านสันทางหลวง ชุมชนที่ใช้พลังสตรีขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชน สู่การรับ รางวัล PATA Gold Awards 2025 ประเภทการริเริ่มด้านการพัฒนาบทบาทสตรี (Best Women Empowerment Initiative)
ชุมชนบ้านสันทางหลวง ตำบลจันจว้าใต้ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ยอง ที่นับวันจะถูกวิถีชีวิตสมัยใหม่กลืนวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนไปตามกาลเวลา
ปัจจุบัน วิถีชีวิตชาติพันธุ์ไท-ยอง ที่เรียบง่าย ถูกผูกโยงสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน เกิดการฟื้นฟูวิถีชาติพันธุ์ไท-ยอง โดยใช้การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นเครื่องมือหนึ่งในการฟื้นฟูและพัฒนาวิถีชีวิตของชุมชน ปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญมาจากผู้นำสตรีในชุมชน (แม่หลวงสังเวียน ปรารมภ์ อดีตแม่หลวงหมู่ที่ 12) กลุ่มสตรีและผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ของหมู่บ้าน ภายใต้วิสาหกิจชุมชนวิถีไทย วิถียอง สันทางหลวง ร่วมกันดำเนินการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างเข้มแข็ง เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานของสตรีที่มีผลจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำเกษตรรูปแบบใหม่แบบใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน และฟื้นฟูชาติพันธุ์ไท-ยองสู่คนรุ่นต่อไป
เส้นทางท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชนบ้านสันทางหลวงที่น่าสนใจที่ห้ามพลาด อาทิ กิจกรรมเรียนรู้ปักผ้าและลงมือทำ กิจกรรมหมอนใบชาดูดกลิ่น ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมย่ำเกลือแช่เท้าสมุนไพร เรียนรู้การทอผ้าของไท-ยอง เรียนรู้เกษตรปลอดภัย ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสและสร้างความประทับใจจากกลุ่มสตรีของชุมชนแห่งนี้ พร้อมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชนและของฝากของที่ระลึกจากชุมชน > กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน วิถีไทย วิถียอง บ้านสันทางหลวง
“การพัฒนาของชุมชน”
นางสังเวียน ปรารมภ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านผู้หญิงคนแรกของหมู่บ้าน หมู่ที่ 12 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของชุมชน และประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีไทย วิถียอง สันทางหลวง ได้เล่าให้ฟังเรื่องราวของชุมชนด้วยรอยยิ้มและความภาคภูมิใจในจุดเริ่มต้นจากชุมชนเกษตรกรรม สู่การพัฒนาและยกระดับสู่การชุมชนท่องเที่ยวด้วยพลังแห่งการขับเคลื่อนและความมุ่งมั่นของกลุ่มสตรี และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมเมื่อสภาพสังคมและรูปแบบการทำการเกษตรทันสมัยมากขึ้น เกษตรกรผันตัวมาใช้เครื่องทุ่นแรงหรือเครื่องจักรในการทำการเกษตร ทำให้แรงงานภาคการเกษตร อาทิ ผู้สูงอายุ ผู้หญิง ในหมู่บ้านนั้นเกิดการว่างงานมากขึ้น คนในชุมชนร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับการทำอาชีพหลักและอาชีพเสริม พร้อมทั้งการยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ ผลิตภัณฑ์ การบริการการท่องเที่ยว ร่วมกับหน่วยงานพี่เลี้ยงในพื้นที่
เริ่มต้นจากปี 2542 มีการพัฒนาทักษะปักผ้าด้วยมือ เพื่อเป็นอาชีพเสริมแก่สมาชิกในชุมชนตั้งแต่วัยทำงานจนถึงวัยผู้สูงอายุให้ใช้เวลาที่ว่างจากการทำนาและแปลงเกษตร เมื่อชาวบ้านเริ่มปักมือบนผ้าในลวดลายต่างๆ บนผืนผ้าสี่เหลี่ยมเล็กๆ สามารถนำไปขายได้ ต่อมาจึงมีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาให้องค์ความรู้ในเรื่องการพัฒนาฝีมือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้มีความหลากหลาย ชุมชนบ้านสันทางหลวงจึงได้จัดตั้งกลุ่มผ้าปัก โดยการรวมกลุ่มของคนในชุมชนที่ปักผ้า เพื่อให้เกิดการต่อยอดและการกระจายรายได้สู่ชุมชน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของชุมชน จากผู้ใหญ่บ้านผู้หญิงคนแรกของหมู่บ้าน ทำให้มีคำถามว่าผู้หญิงสามารถเป็นแม่หลวงหรือเป็นผู้นำชุมชนได้หรือ จึงจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองในการบริหารงานของชุมชนเป็นอย่างมาก และสร้างผลงานให้ได้รับการยอมรับในเรื่องการบริหารงานชุมชนได้เป็นอย่างดี และมีโครงการจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา เข้ามาพัฒนาชุมชนบ้านสันทางหลวงเป็นจำนวนมาก จากชุมชนที่ไม่เคยมีใครสนใจกลายเป็นชุมชนที่มีชื่อเสียงมากขึ้นหนึ่งในโครงการที่สร้างชื่อเสียงและสร้างผลประโยชน์ต่อชุมชนเป็นอย่างมาก คือ การดำเนินงานร่วมกับโครงการศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ภายใต้มูลนิธิชัยพัฒนาซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ประกอบด้วย 1) โครงการซอยนี้มีรัก ปลูกผักแบ่งปัน 2) โครงการผลิตเมล็ดพันธุ์เพื่อนช่วยเพื่อน 3) โครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง 4) โครงการทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน และ 5) โครงการปลูกผักปลอดภัยภายใต้มาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) เป็นการส่งเสริมให้ชาวบ้านบ้านสันทางหลวงมีองค์ความรู้ด้านการทำเกษตรอย่างยั่งยืนและปลอดภัยจากสารเคมี
ต่อมาในช่วงปี 2558 แม่หลวงสังเวียน เล่าถึงความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติของชุมชนบ้านสันทางหลวงเป็นอย่างมาก จากการเสด็จเยือนบ้านสันทางหลวงของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2558 เพื่อทอดพระเนตรการพัฒนาของโครงการศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ และมอบเงินค่าเมล็ดพันธุ์ที่ชุมชนปลูกเป็นครั้งแรก ทำให้บ้านสันทางหลวงเกิดความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ซึ่งจากหมู่บ้านที่ไม่มีใครรู้จัก เริ่มมีหน่วยงานต่างๆ เข้าไปพัฒนาและให้การสนับสนุน มีการบูรณาการความรู้จากหลายหน่วยงานมากขึ้น จาการเสด็จเยี่ยมของราชวงศ์ทำให้ชาวบ้านภาคภูมิใจ และมีกำลังใจในการพัฒนาชุมชนของตนมากขึ้น
จากนั้นเป็นต้นมา ชุมชนบ้านสันทางหลวง เริ่มพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนร่วมกับหน่วยงานในจังหวัดเชียงราย ดำเนินการพัฒนาเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว โดยใช้อัตลักษณ์ชาติพันธุ์ไทยองของชาวบ้านสันทางหลวงเป็นสื่อกลางให้นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยว เป็นการสร้างคุณค่าและมูลค่าจากวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่มีอยู่ของชาวยอง คือ การให้นักท่องเที่ยวมาใช้ชีวิตอยู่บ้านสันทางหลวงแบบชาวไทยอง รับประทานอาหารไทยอง พูดภาษายอง แต่งกายแบบยอง และดำเนินชีวิตแบบคนยอง จนกลายเป็น “กลุ่มวิถีไทย วิถียอง บ้านสันทางหลวง” ขึ้น ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มประมาณ จำนวน 96 คน และในกลุ่มมีผู้หญิงร้อยละ 80 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด โดยหัวหน้ากลุ่มต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยมีหลักการสื่อสารผ่านวัฒนธรรมไทยอง “เปลี่ยนความเป็นอยู่ให้มีมูลค่า เปลี่ยนของไร้ราคาให้เกิดประโยชน์ กล่าวคือ นำสิ่งที่มีอยู่แล้วในหมู่บ้านโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติมมาสร้างมูลค่า ซึ่งชาวบ้านจะเลือกเข้ากลุ่มอาชีพเอง ประกอบอาชีพตามความถนัดและความสมัครใจของตน ซึ่งกลุ่มได้นำกิจกรรมของกลุ่มอาชีพ พัฒนาเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวของกลุ่มได้อย่างน่าสนใจ
กิจกรรมการท่องเที่ยวที่น่าสนใจของชุมชนบ้านสันทางหลวง อาทิ กิจกรรมเรียนรู้ปักผ้า และลงมือทำ กิจกรรมหมอนใบชาดูดกลิ่น ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมย่ำเกลือแช่เท้าสมุนไพร เรียนรู้การทอผ้าของไทยอง เรียนรู้เกษตรปลอดภัย เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชนและของฝากของที่ระลึก
“จากปัญหาการว่างงานของชุมชน การทำเกษตรแบบไม่ปลอดภัย
คนในชุมชนไม่มีรายได้เสริม เกิดการย้ายไปทำงานต่างถิ่น”
ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขผ่านการดำเนินกิจกรรมที่นำโดยกลุ่มสตรี จากการดำเนินการด้านการท่องเที่ยวตั้งแต่ ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน ภายใต้การขับเคลื่อนของแกนนำแม่หลวงสังเวียน ปรารมภ์ กลุ่มสตรี คณะกรรมการการท่องเที่ยวโดยชุมชน และผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ของหมู่บ้าน นอกจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับชุมชนแล้ว การท่องเที่ยวยังช่วยให้สตรีที่ว่างงานในชุมชนที่มีอยู่มากจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำเกษตรสมัยใหม่ของชุมชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมนำเสนอและสืบสานวัฒนธรรมชาวยองของบ้านสันทางหลวงให้เป็นที่รู้จักและส่งต่อคนรุ่นหลังต่อไป อีกทั้งผลงานออกแบบและการปักผ้าของชาวยอง ยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกด้านการออกแบบของจังหวัดเชียงราย ช่วยส่งเสริมสุขภาวะด้านจิตใจ เกิดการมีส่วนร่วม ทั้งเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและให้โอกาสต่อทุกเพศสภาพทำให้สมาชิกกลุ่มมีความภาคภูมิใจและช่วยเสริมให้เกิดมูลค่าเพิ่มด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจชุมชน
“การจ้างงานสตรีในชุมชน (Employment)”
จากปัญหาการว่างงานของสตรีในบ้านสันทางหลวง ภายใต้การนำของแม่หลวงสังเวียน เกิดการจ้างงานกลุ่มสตรีในชุมชน โดยวิสาหกิจชุมชนวิถีไทย วิถียอง สันทางหลวง ใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือโดยการเปิดโอกาสให้สตรีในชุมชนที่ว่างงานเข้าร่วมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีไทย วิถียอง สันทางหลวง มีผู้เข้าร่วมกลุ่มวิสาหกิจทั้งหมด 96 คน พบว่า ร้อยละ 80 เป็นสตรี มีการดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ที่ถนัดและได้รับค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรม คนในชุมชนที่ว่างงานซึ่งไม่ได้อยู่ในกระบวนการบริการการท่องเที่ยวจะมีรายได้จากการขายวัตถุดิบ การผลิตของฝากของที่ระลึก อาทิ การปักผ้า การทอผ้า ซึ่งสร้างรายได้แก่ชุมชนมากเป็นอันดับ 1 ถึง โดยกิจกรรมการปักผ้ายังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มได้มีรายได้จากการจ้างงาน การขายงานปักผ้า อาทิ กลุ่มเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและให้โอกาสต่อทุกเพศสภาพอีกด้วย
“การดำเนินธุรกิจโดยกลุ่มสตรี (Entrepreneurship)”
รูปแบบการดำเนินธุรกิจของกลุ่มสตรีบ้านสันทางหลวง เกิดการรวมกลุ่มอาชีพและวิสาหกิจชุมชน จัดตั้งกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ที่รองรับการท่องเที่ยวของชุมชน คือ วิสาหกิจชุมชนวิถีไทย วิถียอง สันทางหลวง นำเสนอกลุ่มกิจกรรมการท่องเที่ยว เช่น กลุ่มผักปลอดสารพิษ กลุ่มไข่เค็ม กลุ่มขนมพื้นบ้าน กลุ่มผ้าทอมือ กลุ่มผ้าปัก กลุ่มหมอนดูดกลิ่น กลุ่มย่ำเกลือ กลุ่มทอตุง เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับสมาชิกแล้ว ยังส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชีวิตแบบยั่งยืนของวิถียอง
การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ได้แก่ ผ้าปักลวดลายวิถีชีวิตชาวยอง เช่น ลายทุ่งนา รวงข้าว และดอกไม้ ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์และสะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน ปัจจุบันชุมชนมีการพัฒนาลายปักให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตประจำวันมากขึ้นและมีการนำด้ายสีพาสเทลและเอิร์ทโทนมาใช้ปักลายเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคที่ชื่นชอบ เช่น ลายไก่ แมว ช่อดอกไม้ เต่าทอง แมงกะปี้ (แมลงปอ) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น กระเป๋าย่าม รองเท้า เสื้อผ้า เป็นต้น โดยมีการนำเยาวชนและผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ของหมู่บ้าน เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบและผลิตของที่ระลึก ส่งเสริมให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมมีองค์ความรู้ด้านการใช้สีในการสร้างผลงานปักที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มขึ้น เช่นสีพาสเทลและสีเอิร์ธโทน และเปิดตลาดผ้าปักแก่กลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น เพื่อส่งเสริมเกิดทักษะ และผลงานสร้างสรรค์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของบริโภคที่หลากหลาย
การส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน กลุ่มสตรีและผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) มีบทบาทในการพัฒนาและจัดกิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงวัฒนธรรม เช่น การสาธิตการปักผ้า การทำอาหารพื้นบ้าน การย่ำเกลือแช่เท้าสมุนไพร และการแสดงฟ้อนรำ ซึ่งกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนนี้ไม่เพียงแต่นำเสนอในชุมชนเท่านั้น กลุ่มสตรีและผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ยังได้นำเสนอกิจกรรมการท่องเที่ยวนอกสถานที่ในกิจกรรมการออกบูธ การส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวหรือผู้ประกอบการได้สัมผัสกับครูภูมิปัญญาได้โดยตรง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมและเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่คนในท้องถิ่นในการได้เผยแพร่และสืบสานวิถีคนยองด้วย
“การฝึกอบรมด้านการท่องเที่ยวส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมพลังสตรี (Education)”
วิสาหกิจชุมชนวิถีไทย วิถียอง สันทางหลวง เปิดโอกาสให้คณะกรรมการและสมาชิกกลุ่มเข้าร่วมอบรมด้านการท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และศักยภาพในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน กลุ่มสตรีในชุมชนได้รับการส่งเสริมบทบาทอย่างเด่นชัด ทั้งในด้านการผลิตสินค้าหัตถกรรม การบริหารจัดการกลุ่ม และการเป็นผู้นำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นการส่งเสริม ความเท่าเทียมทางเพศ อย่างเป็นรูปธรรม โดยเปิดโอกาสให้สตรีมีบทบาทเท่าเทียมกับบุรุษในทุกมิติของการพัฒนาชุมชน
“ผู้หญิงเป็นผู้นำในภาคการท่องเที่ยวและมีอิทธิพลในการตัดสินใจ (Leadership)”
วิสาหกิจชุมชน วิถีไทย วิถียอง สันทางหลวง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการขับเคลื่อนโดยกลุ่มสตรีในชุมชน ซึ่งมีบทบาทเป็นผู้นำในการจัดตั้งและบริหารกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างเต็มภาคภูมิ การบริหารจัดการภายในกลุ่ม ใช้ระบบการแบ่งหน้าที่อย่างเป็นระบบ โดยกระจายอำนาจให้แต่ละฝ่ายสามารถบริหารงานของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการวางแผนกิจกรรมการท่องเที่ยว การตั้งราคาสินค้าและบริการ ประสานงานกับหน่วยงานภายนอก รวมถึงการควบคุมคุณภาพของสินค้าและบริการอย่างใกล้ชิด กลุ่มสตรีเหล่านี้ยังเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรมท้องถิ่น เช่น การพัฒนาผ้าปักลายยองอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน การผลิตสมุนไพรแช่เท้าเพื่อสุขภาพ และการออกแบบประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม โดยเน้นการเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวไทยอง ไม่เพียงแค่ภายในองค์กรเท่านั้น กลุ่มสตรียังมีบทบาทอย่างโดดเด่นในเวทีสาธารณะ ทั้งการประชุมระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ไปจนถึงระดับจังหวัด รวมถึงเวทีการมีส่วนร่วมด้านการพัฒนาชุมชนและการท่องเที่ยว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการตัดสินใจและการเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” อย่างแท้จริง การมีส่วนร่วมของผู้หญิงในบทบาทผู้นำเช่นนี้ ได้ช่วยยกระดับสถานะของสตรีในทั้งระดับครัวเรือนและระดับชุมชน จากบทบาทผู้สนับสนุน กลายเป็นพลังหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และความยั่งยืนของบ้านสันทางหลวง
ชุมชนบ้านสันทางหลวงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการพัฒนาโดยใช้ทุนวัฒนธรรมวิถียองและการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นเครื่องมือสำคัญ โดยเฉพาะการเสริมพลังกลุ่มสตรีและผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่ไม่เพียงแต่ส่งเสริมความเท่าเทียมทำให้คนในชุมชนเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจในการพัฒนาตนเอง แต่ยังสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของชุมชนอย่างแท้จริง
ชุมชนบ้านสันทางหลวง (วิสาหกิจชุมชนวิถีไทย วิถียอง สันทางหลวง) ตำบลจันจว้าใต้ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
ติดต่อสอบถาม นางสังเวียน ปรารมภ์
โทรศัพท์ 08 6992 5679
E-mail juntapingyong@gmail.com
Facebook วิถีไทย วิถียอง บ้านสันทางหลวง