อาหารอาข่า บ้านผาหมี : พลังวัฒนธรรมจากครัว local สู่ Soft Power ด้านอาหาร พลังขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชนสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์
อาหารอาข่า บ้านผาหมี : พลังวัฒนธรรมจากครัว local สู่ Soft Power ด้านอาหาร
พลังขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชนสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์
ท่ามกลางขุนเขาสูง ณ ดินแดนเหนือสุดแดนสยาม ชุมชนบ้านผาหมี อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นำต้นทุนทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและพันธุ์ไม้ทั้งไม้ป่าและไม้ผล จนเกิดทัศนียภาพที่สวยงาม และการที่ชุมชนยังคงรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมชาติพันธุ์อาข่าไว้ ส่งผลให้ชุมชนบ้านผาหมีกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรม ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่ต้องมาเยือน การท่องเที่ยวของชุมชนแห่งนี้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ.2559 มีการรวมกลุ่มเป็น “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวดอยผาหมี” ประกอบด้วยคณะกรรมการที่เป็นคนในชุมชนร่วมกลุ่มกันบริหารการท่องเที่ยว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้เสริมแก่ชุมชนนอกเหนือจากรายได้จากการทำเกษตรกรรม และมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟู รักษา และอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติพันธุ์อาข่าส่งต่อให้คนรุ่นต่อไป
ชุมชนบ้านผาหมี มีกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เกือบทุกกลุ่มวัย อาทิ การเรียนรู้วิถีกาแฟแบบดั้งเดิมและการดริปกาแฟพร้อมชมวิวดอยผาหมี การเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารอาข่า การแสดงวัฒนธรรมชาติพันธุ์อาข่า และการลงมือทำกิจกรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชน เช่น การปักผ้า การทำเครื่องประดับและ Cooking class อาหารชาติพันธุ์อาข่าเป็นต้น ทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่คนในชุมชนที่เป็นสมาชิกกลุ่มท่องเที่ยวและคนในชุมชนที่อาจจะเกี่ยวข้องโดยอ้อมกับการท่องเที่ยว โดยเปิดโอกาสให้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม การนำผลิตภัณฑ์ของชุมชนมาจัดจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดการหมุนเวียนและการกระจายรายได้ภายในชุมชนการจ้างงานในท้องถิ่น (Local employment) รวมถึงการนำผลกำไรที่ได้จากการท่องเที่ยวไปช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
ชุมชนบ้านผาหมี ไม่ได้มีเพียงกาแฟชื่อดังที่ครองใจนักเดินทาง แต่ยังซ่อนเสน่ห์ที่หาได้ยากในชุมชนอื่นเป็นแรงดึงดูดที่ทรงพลังให้นักท่องเที่ยวต้องดั้นด้นมายังดอยผาหมี คือ “อาหารอาข่า” ที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญา อุดมไปด้วยรสชาติจากผืนป่า กลิ่นอายวัฒนธรรมชาติพันธุ์ที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน และยังดีต่อใจและต่อสุขภาพอีกด้วย โดยมีคุณ ผกากานต์ รุ่งประชารัตน์ “แมว” ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวดอยผาหมี คอยนำเสนอพลังวัฒนธรรมชาติพันธุ์ “อาหารอาข่า” ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ผ่านการใช้การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมีเป็นเครื่องมือในการส่งพลังวัฒนธรรมที่เป็น Soft Power ของชุมชนผาหมี จนสามารถดึงดูดและเชื่อมโยงผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรม ผ่านการเล่าเรื่องราวของคนในชุมชน ถ่ายทอดอัตลักษณ์ และดึงดูดผู้มาเยือนจากทั่วโลกให้เดินทางมา สัมผัส – ลิ้มรส –เรียนรู้ ด้วยตนเอง และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของชุมชนได้อย่างยั่งยืน
Soft Power อาหารอาข่า : พลังอ่อนโยนที่ทรงพลัง
อาหารอาข่า : เรื่องเล่าจากวิถีชีวิต
อาหารอาข่าจากครัวชุมชนบ้านผาหมี สะท้อนถึงภูมิปัญญาที่ผูกพันกับธรรมชาติและวิถีเกษตรกรรม ซึ่งเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่บอกเล่าเรื่องราวของวิถีชีวิต ความเชื่อ และภูมิปัญญาที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่อยู่ในอาหารอาข่าล้วนแล้วมาจากสวนครัวข้างบ้านและผืนป่ารอบชุมชน เช่น หอมชูหรือรากชู ผักกาดดอย พริก หน่อไม้ป่า เห็ดหลากชนิด ข้าวไร่ ถั่ว และสมุนไพรที่ช่วยทั้งบำรุงร่างกายและรักษาโรค การ “ไปเก็บของป่า” จึงไม่ใช่แค่การหาอาหาร แต่เป็นการเรียนรู้ว่าฤดูกาลใดให้วัตถุดิบแบบไหน เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาการกินการอยู่จากบรรพชนไปสู่คนรุ่นใหม่ ที่ให้ความเคารพและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า แถมรสชาติที่ไม่ได้เน้นปรุงรสจัดจ้าน ใช้เพียงเกลือและสมุนไพรพื้นบ้านเป็นหลักในการปรุงรช ทำให้ได้รสชาติที่ใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติ ตอบรับความต้องการของคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนทำงานที่ใส่ใจสุขภาพ ตลอดจนผู้สูงอายุที่ต้องการทั้งอาหารตา อาหารกาย และอาหารใจ เพื่อให้การมีชีวิตยืนยาวแบบไร้โรคหรือเกิดโรคน้อยที่สุด
เมนูเด็ด!! บนสำรับอาหารอาข่า ที่ใครๆ ต่างต้องมาลิ้มลอง
หมูผัดรากชู เป็นวัตถุดิบสำคัญที่สะท้อนวิถีชีวิตชาวอาข่า โดยการนำหมูมาผัดกันขิงจนหอมแล้วใส่รากชูตามลงไปผัด ปรุงรส เสร็จแล้วแต่งหน้าเพิ่มด้วยผักชี
รากชู คือ รากของต้นชู หรือ หอมชู ใบมีสีเขียวเรียวแบนยาวคล้ายใบกุยช่ายแต่ใหญ่กว่า ส่วนรากมีสีขาวยาวอวบ จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลเดียวกับกุยช่าย พบมากทางตอนเหนือของเมียนมาร์ เรื่อยมายังตอนใต้ของจีนและภาคเหนือของไทยที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย นำมาปรุงอาหารได้ทั้งต้ม ผัด ทำน้ำพริก เป็นเครื่องปรุงที่สำคัญของชาวอาข่า หรือจะนำมาเป็นผักแนมกินกับน้ำพริกอาข่า เช่น น้ำพริกถั่วเน่า ก็ให้รสชาติที่หอมแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร
ลาบดอย หรือลาบหมูอาข่า เน้นผักและสมุนไพรสับผสมรวมกับเนื้อหมู โดยมีวัตถุดิบสำคัญคือ ‘หอมชู’ ชาวอาข่านิยมใช้ผสมในอาหารแทบทุกประเภท โดยเฉพาะลาบหมูที่ใช้หอมชูสับรวมกับเนื้อสัตว์ ผักไผ่ ตะไคร้ และเครื่องเทศอีกหลายชนิด ก่อนนำไปห่อใบตองย่างหรือคั่วจนหอม เป็นเมนูลาบที่อร่อยและสะท้อนวิถีชีวิตบนยอดดอยได้อย่างชัดเจน
ยำผักอาข่า (ห่อปะโซะ) มีรสชาติไม่เผ็ดไม่เปรี้ยวไม่หวานเหมือนยำทั่วไป วิธีการยำโดยใส่ถั่วลิสงกับงาขาวคั่วหอมๆ ใส่ขิง ต้นหอม ผักชี ใส่พริก และใส่เกลือ ถือว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ชุมชนได้นำเมนูยำผักอาข่า ไปเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวสามารถลองทำได้และใช้เวลาไม่นาน
ปลานิลมก สิม๊ะแชะ (ผลไม้ป่า) อาหารรสจัดถึงเครื่องสมุนไพร โดยใช้เม็ดส้มป่า พริก กระเทียม เกลือ และรากหอมชู มาตำรวมกันพอละเอียด นำไปคุลกกับปลา โดยใส่ผักชีฝรั่งที่หั่นแล้วลงไปคลุกด้วย ห่อใบตองให้มิดชิดนำไปหมก โดยย่างบนเตาให้สุกหอม จะมีกลิ่นหอมด้วยสิม๊ะแชะ (ผลไม้ป่า) เนื้อปลาหวานแต่เปรี้ยวนิดๆ หอมไปด้วยเครื่องเทศที่ลงตัว
น้ำพริกถั่ว พร้อมเครื่องเคียง เป็นอีกเมนูที่ต้องมีอยู่บนโต๊ะอาหาร จะมีวัตถุดิบที่สำคัญ คือ ถั่วลิสง มีรสชาติดีและได้ความหอมและความมันของถั่วคั่ว ตำใส่พริก ปรุงรสด้วยเกลือ รับประทานพร้อมเครื่องเคียงผัดสดและผักต้มได้ทั้งรสชาติและกลิ่มหอมที่ลงตัว ดีต่อใจและดีต่อสุขภาพ
มันอลูคั่วบด (อะลูะอะสิลูะ) เป็นเมนูที่นำเอามันฝรั่งหรือมันอาลูมาต้มให้สุกแล้วนำมาบดหรือตำ ผสมกับเครื่องเทศที่ผ่านการเจียวจนหอม วัตถุดิบที่เด่นมาก คือ รากชู ที่ช่วยชูกลิ่นและรสชาติของอาหารได้อย่างลงตัว ถือเป็นมันบดที่อร่อยมาก ใครลิ้มลองต้องติดใจ
ข้าวห่ออาข่า หรือข้าวดอย การจัดข้าวในแบบของชาวอาข่า คือ การเสริฟโดยการห่อข้าวในใบตอง ซึ่งเป็นข้าวดอยที่มีความนิ่ม หอม อร่อย รับประทานกับอาหารชนเผ่าอาข่าที่มีรสชาติจัดจ้าน
อาหารอาข่าเหล่านี้ คุณผกากานต์ รุ่งประชารัตน์ หรือ “แมว” ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวดอยผาหมี ช่วยทำให้การรับประทานมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้น ด้วยการเล่าเรื่องราวของอาหารให้นักท่องเที่ยวและผู้มาเยี่ยมเยือนได้ฟังและเรียนรู้ สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และกลายเป็นทุนวัฒนธรรมที่สามารถใช้สร้างการรับรู้ในเชิงบวกต่อชุมชน
อาหารอาข่ากำลังถูกต่อยอดเป็น Soft Power ในหลายมิติ
มิติด้านวัฒนธรรม: การถ่ายทอดประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และอัตลักษณ์ชาติพันธุ์อาข่า ผ่านประเพณีวัฒนธรรม อาทิ งานชนไข่แดง ภาษาอาข่าเรียก “ขึ่มซึ อ่าโผ่ว จาแบ” จะจัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี เป็นประเพณีแห่งการฟื้นฟูซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ มีการไหว้ผีบรรพบุรุษ โดยแต่ละครอบครัวจะต้มไข่แล้วย้อมสีแดงแจกจ่ายให้กับลูกหลาน ในอดีตพิธีชนไข่แดงจะจัดตลอดทั้งเดือนเมษายน เพราะถือว่าเป็นเดือนแห่งการเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีของชุมชน ประเพณีโล้ชิงช้า หรือในภาษาอาข่าเรียกว่า “แยะขู่ อ่าโผ่ว จาแบ” จัดขึ้นในเดือนสิงหาคมของทุกปี เป็นระยะเวลา 4 วัน ประเพณีโล้ชิงช้าเป็นการบูชาบรรพบุรุษ เรียกขวัญข้าวที่กำลังออกรวง การโล้ชิงช้า เป็นประเพณีที่หญิงสาวชาวอาข่าทุกคนต้องเข้าร่วม เนื่องจากประเพณีโล้ชิงช้ามีนัยยะของการเฉลิมฉลองให้หญิงสาวในชนเผ่ามีความสุข ความรุ่งเรือง อาข่าผาหมีจะจัดประเพณีโล้ชิงช้าโดยให้ความสำคัญเรื่องความสนุกสนานเป็นสำคัญ และอำนวยอวยพรสร้างความโชคดีให้ผู้เข้าร่วมประเพณีโล้ชิงช้าทุกคน
มิติด้านการท่องเที่ยว: การต่อยอด Soft Power ด้านอาหารของชุมชนบ้านผาหมี สามารถเชื่อมโยงกับการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในหลายมิติ ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experiential Tourism) นักท่องเที่ยว จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมด้านอาหารอาข่าจากประสบการณ์ตรง จากกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชน ได้เรียนรู้วัฒนธรรมอาหารอาข่า อาทิ การทำยำผักอาข่า (ห่อปะโซะ) ซึ่งถูกพัฒนาเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ที่นักท่องเที่ยวลงมือทำได้ด้วยตัวเองและใช้เวลาไม่นาน นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิธีทำอาหารอาข่า ยังได้รับประทานอาข่าจากรสชาติฝีมือของตนเอง สร้างประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้ในชุมชนอื่น
มิติด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ – โลเคิล อร่อย (Local Aroi) นำจุดเด่นด้านวัฒนธรรมอาหารอาข่าเป็นประตูเชื่อมต่อนักท่องเที่ยวในเมืองใหญ่สู่การท่องเที่ยวระดับชุมชน จากการนำเมนูหมูผัดรากชูของชุมชนผาหมีมาพัฒนาและเพิ่มมูลค่า เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังชาวบ้านในท้องถิ่น โดยให้เชฟบุ๊ค-บุญสมิทธิ์ พุกกะณะสุต และเชฟชื่อดังอีกหลายคนมาร่วมรังสรรค์อาหารจานอร่อยที่ใช้วัตถุดิบที่ส่งตรงมาจากท้องถิ่น ปรุงตามตำรับดั้งเดิมของชุมชน บอกเล่าเรื่องราวที่ตกทอดกันมาหลายชั่วอายุคน (Generations) เสริมด้วยการตกแต่งทำให้แต่ละเมนูมีความสวยงามเชิญชวนให้ลิ้มลองอย่างยิ่ง ให้บริการแก่ลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ด้วยรูปแบบ Chef’s table ต่อมาเมื่อมีการระบาดของโควิด-19 พวกเขาจึงปรับแผนจาก Chef’s table มาทำ delivery ที่สามารถนำอาหารจานอร่อยที่ปรุงจากวัตถุดิบและสูตรดั้งเดิมของชุมชนมาส่งตรงให้ลูกค้าถึงบ้าน สร้างตลาดใหม่ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันหมูผัดรากชูกลายเป็นเมนูห้ามพลาดของนักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางเยือนชุมชนบ้านผาหมี
ขอบคุณข้อมูล https://creativecitizen.com/local-aroi/
มิติการพัฒนาชุมชนบ้านผาหมี: การท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) ที่ยั่งยืน การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านผาหมี ไม่ได้จำกัดแค่การชมวิวภูเขาหรือการดื่มกาแฟเท่านั้น แต่ยังเป็นการ “เปิดประตูสู่ครัวอาข่า” ที่นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิธีปรุงอาหารพื้นบ้านกับแม่ครัวอาข่า ร่วมรับประทานอาหารแบบครอบครัวในบรรยากาศบนดอยสูง และรับฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับวัฒนธรรม ความเชื่อ และประเพณีผ่านอาหาร
ดังนั้น Soft Power ของอาหารอาข่า จึงไม่เพียงดึงดูดผู้คนให้มาเยือนดอยผาหมีเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้เสริมแก่คนในชุมชน สร้างความภาคภูมิใจ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของชุมชนผาหมีอีกด้วย
อพท.เชียงราย เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ร่วมหนุนเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนของชุมชนบ้านผามี โดยการพัฒนาและยกระดับกิจกรรมการท่องเที่ยวเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารอาข่าสู่การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเรียนรู้จากเจ้าของภูมิปัญญา ดูของจริง และลงมือทำ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับสุนทรรียะจากการท่องเที่ยว เกิดประสบการณ์ตรงด้านวัฒนธรรมอาหารอาข่า (Gastronomy Tourism) ชุมชนจะได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) ประกอบด้วย การออกแบบกิจกรรมให้ไหลลื่น (Flow of the activities) การเล่าเรื่องของกิจกรรม (Storytelling) การออกแบบสถานที่จัดกิจกรรมให้มีบรรยากาศที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ (Sense of Place) การคิดต้นทุนและราคากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) และการประชาสัมพันธ์ผ่านกลุ่มผู้ทรงอิทธิพล (Influencer) ในสายการท่องเที่ยว life style หรือสายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านการนำเสนอ Soft Power ในกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) เพื่อเผยแพร่พลังวัฒนธรรมอาหารอาข่าชุมชนบ้านผาหมีสู่สายตานักท่องเที่ยว และต้องเดินทางไปลิ้มลอง ณ ชุมชนผาหมี ซึ่งจะช่วยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ดังนั้น ชุมชนบ้านผาหมีจึงมิได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางสำหรับผู้รักกาแฟ หากแต่กำลังกลายเป็น แลนด์มาร์กของ Gastronomy Tourism ในจังหวัดเชียงราย ที่มิได้เสิร์ฟแค่ความอร่อย แต่ยังเสิร์ฟอาหารสุขภาพ ที่ใครมาเยือนเชียงรายแล้วไม่ได้ขึ้นดอยผาหมีเพื่อชิมอาหารอาข่า เท่ากับว่ายังไม่ครบเครื่องประสบการณ์ทางวัฒนธรรมของดินแดนล้านนา
บทสรุป
อาหารอาข่าชุมชนบ้านผาหมี คือ ตัวแทนของการใช้ Soft Power เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ทุกจานอาหารไม่เพียงอิ่มท้อง แต่ยังอิ่มใจ เต็มไปด้วยรากเหง้าเรื่องราวและพลังแห่งวัฒนธรรม ไม่ว่านักท่องเที่ยวชาวไทยหรือต่างชาติ ต่างยกนิ้วให้ พร้อมกับรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความประทับใจที่ได้มาเยือน “ดอยผาหมี”
ดังนั้น “ใครมาเชียงราย ต้องมาชิมอาหารอาข่าที่ดอยผาหมี” เพื่อสัมผัสรสชาติแห่งวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก
รายละเอียดข้อมูลติดต่อ
ชุมชนดอยผาหมี ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
พิกัด https://maps.app.goo.gl/vTjZ6AmDniEjKwot7?g_st=il
ผู้ประสาน นางสาวผกากานต์ รุ่งประชารัตน์
โทรศัพท์ 08 9449 7942
Facebook Fanpage : วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเที่ยวดอยผาหมี