การแสดงระบำ ก. ไก่ จังหวัดกำแพงเพชร
การแสดงระบำ ก. ไก่ เป็นการแสดงศิลปะพื้นบ้านแบบดั่งเดิม ของชุมชนตำบลไตรตรึงษ์ มีการเล่นมานานนับร้อยปีมาแล้วในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เลือนหายไปครั้งหนึ่ง ได้มีเพลงรำวงหรือรำโทนเข้ามาแทนที่ จึงเกิดเป็นรำวงพื้นบ้าน รำคล้องช้างและรำโทน ในปี พ.ศ. 2520 อาจารย์และนักศึกษาจาก ม.ศว.พิษณุโลก ได้เข้ามาเก็บข้อมูลจึงได้นำมาเล่นใหม่อีกครั้ง
ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมา
ริมน้ำปิงตอนที่งดงามที่สุด ตอนหนึ่ง เราเรียกกันว่า บ้านวังพระธาตุ หมู่ที่ 4 ของตำบล ไตรตรึงษ์อำเภอเมืองจังหวัดกำแพงเพชร บ้านวังพระธาตุ เป็นชุมชนโบราณ ที่มีประชาชนตั้งถิ่นฐานสืบต่อกันมาหลายร้อยปี ทำให้สามารถสั่งสม วัฒนธรรมอย่างหลากหลาย และ ร่วมกันจรรโลงและฟื้นฟูวัฒนธรรมการแสดงพื้นบ้านสู่วิถีชีวิตของคนวังพระธาตุให้มีความสุขได้อย่างวิเศษสุด ระบำ ก.ไก่ เป็นการแสดงชุดใหญ่ที่สืบทอดกันมานับร้อยปี บุคคลที่ควรกล่าวถึงคือ แม่เสนอ สิทธิ เป็นผู้สืบทอดงานวัฒนธรรมสำคัญนี้ สู่ประชาชน บ้านวังพระธาตุ และน่าภูมิใจที่ อาจารย์สุขศรี สิทธิ ลูกสาวของคุณแม่เสนอ ได้ร่วมถ่ายทอดเจตนารมย์ ทางวัฒนธรรม ของคุณแม่ไว้ทั้งสิ้น เพลงพื้นบ้านระบำ ก.ไก่ไม่สูญจากบ้านวังพระธาตุอย่างแน่นอน ระบำ ก.ไก่ ดัดแปลงมาจากเพลงกลางบ้าน ที่เดิมมีเนื้อหาบทร้องเป็นการโต้ตอบ เกี้ยวพาราสี ระหว่างชาย หญิง เป็นการด้นสดๆ เมื่อมีการเรียนการสอนในโรงเรียน คงมีผู้รู้แต่งบท ระบำก.ไก่ ให้นักเรียนเรียนได้อย่างไพเราะและกลมกลืนอย่างที่สุด ระบำ ก.ไก่ แสดงให้เห็นถึงสภาพสังคมและวัฒนธรรม ของบ้านวังพระธาตุ อย่างเด่นชัดมีบทไหว้ครู ที่ตรงตามแบบฉบับ ของการแสดงพื้นบ้าน ว่า ก่อนเล่นระบำก.ไก่ นั้นต้องไหว้ครูก่อน เพราะจะต้องมีครูฝึกสอนจึงจะมาเล่นได้ ขอไหว้พระครูสูงสุด คือองค์พระพุทธ พระธรรม อีกทั้งสงฆ์ ชี้นำ ทางสดใส ทั้งครูร้อง ครูรำ ที่ท่านดังมากล่าว ลูกขอกราบไหว้วอน ซึ่งพระคุณทั้งหลาย ลูกจะร้องจะรำ ขออย่าให้ขัดข้อง ขอให้พระคุณทั้งผองจงช่วยอวยชัย แล้วนำตัวอักษรทั้ง 44 ตัว มาร้อยเรียงได้อย่างไพเราะ โต้ตอบกันจนครบตัวอักษร อย่างไพเราะ เป็นภูมิปัญญาไทย ภูมิปัญญาวังพระธาตุอย่าง น่าสนใจเป็นที่สุด
ประวัติความเป็นมา
ประวัติและรูปแบบของเพลงระบำ ก.ไก่
การเล่นเพลง ระบำ ก.ไก่ นางเสนอ สิทธิ ให้ข้อมูลว่ามีการเล่นมานานนับร้อยปีแต่เดิมเนื้อหาของบทร้องเป็นการโต้ตอบ เชิงเกี้ยวพาราสีกันธรรมดาไม่มีการเล่นคำและอักษรดังเช่นทุกวันนี้จนเมื่อมีการเรียนการสอนในโรงเรียนจึงนำอักษร ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก มาเล่นคำและสัมผัสอย่างมีชั้นเชิงมากขึ้นเล่นในงานตรุษสงกรานต์และงานรื่นเริง จนเมื่อมีการเรียนการสอนนในโรงเรียนจึงนำอักษร ก-ฮ มาเล่นคำและสัมผัสอย่างมีชั้นเชิงมากขึ้น เมื่อราว 80 ปีที่ผ่านมา
วิธีการเล่น 1. ผู้เล่นประกอบด้วย ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง จำนวนเท่าๆ กัน แบ่งเป็นพ่อเพลงแม่เพลงและลูกคู่ 2. การแต่งกายชุดไทยพื้นบ้าน คือ นุ่งโจงกระเบนทั้งชายและหญิง ฝ่ายชายใส่เสื้อคอกลม มีผ้าขาวม้าคาดเอว ฝ่ายหญิงใส่เสื้อแขนกระบอก หรือเสื้อผ้าลูกไม้ไม่มีผ้าคาดเอว 3. วิธีการเล่น เริ่มต้นด้วยบทไหวัครูร้องสลับกันระหว่างชายหญิง ลูกคู่รับด้วยคำสร้อยที่ว่า “เอ้อระเหยลอยมา หงส์เอ๋ยลอยมาลอยไป” จนถึง ฮ.นกฮูก จึงจบด้วยบทส่งท้าย ระหว่างการร้องนั้นใช้จังหวะปรบมือกำกับเช่นเดียวกับเพลงฉ่อย และขณะร้องพ่อเพลงกับแม่เพลง จะใช้ท่ารำสอดสร้อยมาลา ประกอบการร้อง
ข้อมูล : อบต.ไตรตรึงษ์ กำแพงเพชร